นโยบายต่อต้านการฟอกเงินและสนับสนุนก่อการร้ายอานุภาพทำลายล้างสูง

บริษัท เอนี่เพย์ จำกัด (“บริษัท”) มีความมุ่งมั่นในการป้องกันไม่ให้บริษัทฯ เป็นแหล่งฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2552 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2559  ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้กำหนดนโยบาย คู่มือการปฏิบัติงาน สำหรับใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของบริษัทฯ ดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และกฎระเบียบของหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง แบ่งเป็น 8 หมวด ดังนี้

หมวดที่ 1 การรับลูกค้า

บริษัทฯ ได้กำหนดนโยบายในการรับลูกค้า ดังนี้
  1. มีการทำความรู้จักลูกค้า (Know Your Customer : KYC) และพิสูจน์ทราบข้อเท็จริง (Customer Due Diligence : CDD) ก่อนการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ หรือ การรับทำธุรกรรมกับลูกค้าหรือลูกค้าที่ทำธุรกรรมเป็นครั้งคราว
  2. มีการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงลูกค้าอย่างเข้มข้น (Enhanced Due Diligence : EDD) สำหรับลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง
  3. มีการนำข้อมูลลูกค้าและผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงของลูกค้ามาตรวจสอบกับบัญชีรายชื่อที่ถูกกำหนดและมีความเสี่ยงสูงต่อการฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2552 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีออานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2559
  4. ดำเนินการประเมินผลลูกค้าเพื่อจัดระดับความเสี่ยงด้าน AML/CTPF ก่อนการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือรับทำธุรกรรมกับลูกค้า หากลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง ผู้บริหารระดับสูงจะดำเนินการพิจารณาและตัดสินใจสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือรับทำธุรกรรมกับลูกค้าหรือลูกค้า
  5. ไม่สร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจหรือรับทำธุรกรรมกับลูกค้าที่มีลักษณะ ดังต่อไปนี้
    1. ผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล เอกสาร หลักฐานการแสดงตน หรือ ไม่ให้ข้อมูลสำหรับใช้ในการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าได้
    2. ผู้ที่ขอทำธุรกรรมโดยการสงวนนามหรือปกปิดชื่อหรือใช้นามแฝงหรือใช้ข้อมูลหลักฐานการแสดงตนปลอมหรือเป็นของบุคคลอื่นเพื่อปกปิดตัวตน
    3. สถาบันการเงินที่ไม่มีนโยบาย มาตรการกำกับดูแลด้าน AML/CTPF หรือมีนโยบายที่ไม่สอดคล้องตามข้อกำหนดของกฎหมายและไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล
    4. บุคคลในองค์กรนั้นๆ ที่มีบัญชีรายชื่อเป็นบุคคลที่ถูกกำหนดและมีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงตามประกาศของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
    5. บุคคลหรือองค์กรที่มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยอาศัยช่องทางของสถาบันการเงินเพื่อทำการฟอกเงินหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
  6. การตรวจสอบและติดตามธุรกรรม (Transaction Monitoring and Auditing): การตรวจสอบและติดตามความเคลื่อนไหวในการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นในระบบของลูกค้าทุกรายอย่างสม่ำเสมอจนกว่าจะยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อประเมินว่าลูกค้าทำธุรกรรมสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ อาชีพ แหล่งที่มาของรายได้และระบุรายการธุรกรรมที่มีความผิดปกติและธุรกรรมที่มีมีเหตุอันควรสงสัย หากพบรายการายการธุรกรรมที่ผิดปกติหรือน่าสงสัย จะดำเนินการรายงานธุรกกรมดังกล่าวที่กฎหมายกำหนดไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
  7. มีการทบทวนข้อมูลลูกค้าให้มีความเป็นปัจจุบันอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องจนกว่าจะยุติความสัมพันธ์กับลูกค้า
  8. มีการปรับปรุงระดับความเสี่ยงด้าน AML/CTPF ของลูกค้าให้สอดคล้องกับผลการทบทวนข้อมูลลูกค้าหรือผลการติดตามและตรวจสอบความเคลื่อนไหวในการทำธุรกรรมของลูกค้า

หมวดที่ 2 การรายงานธุรกรรม

บริษัทฯ มีกระบวนการติดตามรายงานธุรกรรมการเงินของลูกค้า ได้แก่ ธุรกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สินประเภทการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย เพื่อให้การปฏิบัติงานของบริษัทฯ ถูกต้อง สอดคล้องตามกฎหมายการป้องกันและการปราบปรามการฟอกเงิน

หมวดที่ 3 การบริหารความเสี่ยงด้าน AML/CTPF สำหรับลูกค้า

บริษัทฯ มีการระบุและพิสูจน์ทราบตัวตนของลูกค้ารวมถึงประเมินเพื่อจัดระดับความเสี่ยงของลูกค้าและมีการทบทวนการจัดระดับความเสี่ยงของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอและต้องได้รับการอนุมัติผลการประเมินความเสี่ยงจากผู้บริหารระดับสูงในด้านการฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เพื่อป้องกันการเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการการฟอกเงินและดำเนินการจัดทำมาตรการบรรเทาความเสี่ยงที่เหมาะสม

หมวดที่ 4 การเก็บรักษาข้อมูลด้าน AML/CTPF

บริษัทฯ กำหนดให้มีการดำเนินการจัดเก็บรักษาข้อมูลและหลักฐานการแสดงตนและข้อมูลพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงของลูกค้า และการจัดเก็บข้อมูลรายงานธุรกรรมให้ครบถ้วนตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันทำธุรกรรมหรือนับตั้งแต่วันที่ปิดบัญชีหรือยุติความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือจนกว่าจะมีกฎหมายหรือประกาศเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลง

หมวดที่ 5 การตรวจสอบภายในด้าน AML/CTPF

บริษัทฯ กำหนดให้มีหน่วยงานทำหน้าที่ตรวจสอบภายในองค์กร โดยมีความเป็นอิสระในการใช้อำนาจตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงานด้าน AML/CFT ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระบวนการปฏิบัติงานโดยบุคลากรในองค์กรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้สนับสนุนการปฏิบัติงาน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมทั้งมีการรายงานผลประเมินจากการตรวจสอบต่อคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องหรือคณะผู้บริหารระดับสูง

หมวดที่ 6 การเปิดเผยข้อมูลด้าน AML/CTPF

บริษัทฯ มีการกำหนดแนวทางในการปฏิบัติการเปิดเผยข้อมูลด้าน AML/CFT ดังนี้

  1. ห้ามเปิดเผยข้อเท็จจริงหรือการกระทำการด้วยวิธีใด ที่ทำให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับการรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือการส่งข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าไปยังสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
  2. บริษัทฯ และ/หรือบริษัทในเครือ สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันหรือส่งข้อมูลระหว่างกัน เพื่อประโยชน์ในกการตรวจพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าและการบริหหารความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการสนับสนุนการเงินแก่การก่อการร้ายและการเผยแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

หมวดที่ 7 การคัดเลือกบุคลากรและการฝึกอบรมความรู้ด้าน AML/CTPF

ผู้บริหารและบุคลากรของบริษัทฯ ต้องได้รับการอบรมด้าน AML/CFT และไม่เป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามแนวทางที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกำหนด  และจัดให้มีการประเมินความรู้หลังการอบรม เพื่อให้มีความรู้ด้านการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ดังกล่าว พร้อมทั้งมีการทบทวนความรู้อย่างสม่ำเสมอ โดยมีการเก็บบันทึกประวัติการอบรมของบุคลากรทุกคนภายในองค์กร อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

หมวดที่ 8 หน้าที่และความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามนโยบาย

บุคลากรในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า มีหน้าที่รับผิดชอบและปฏิบัติตามนโยบาย ดังนี้

  1. บุคลากรในองค์กรให้ความร่วมมือกับการเข้ารับการอบรมความรู้ด้าน AML/CTPF ตามกำหนดการจัดอบรม และเมื่อมีการแจ้งรายชื่อให้เข้ารับการอบรม
  2. บุคลากรในองค์กรให้ความสำคัญและปฏิบัติตามกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอย่างเคร่งครัด
  3. ไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงลูกค้า การรายงานธุรกรรม หรือการรายงานข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้ลูกค้า หรือบุคคลอื่นทราบโดยเด็ดขาด เว้นแต่กฎหมายกำหนดข้อยกเว้นไว้เป็นอย่างอื่น
  4. หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติหรือน่าสงสัยหรือเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินให้รายงานธุรกรรมดังกล่าวแก่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน